ในปัจจุบันอาจจะเห็นแล้วว่าในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ การเลือกซื้อรถเข็นผู้สูงอายุที่ไม่แพงหรือรถเข็นไฟฟ้ามือสองนั้นเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการตัดสินใจ แต่หารู้ไหมว่า สินค้ามือสองบางอย่างก็ยังใช้งานได้มีคุณภาพ แต่บางอย่างก็อาจจะผิดหวัง และหากคุณที่กำลังสนใจอยู่ ต้องดูอะไรบ้างก่อนซื้อ และซื้อยี่ห้อไหนดี เราจะมาสรุปให้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของท่านให้ง่ายขึ้น
รถเข็นไฟฟ้ามือสองดีอย่างไร
อย่างที่หลายคนส่วนใหญ่สนใจซื้อสินค้ามือสองเพราะ “มีราคาถูก” และหาซื้อได้ง่าย ซึ่งในปัจจุบันสามารถหาซื้อทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ รถเข็นไฟฟ้ามือสองจึงเป็นสินค้าอีกอย่างที่มีความจำเป็นในสังคมผู้สูงอายุและผู้พิการ เพื่อเป็นตัวช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันนั้นง่าย และสะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยผ่อนแรงผู้ดูแลไปอีกด้วย แต่การจะเลือกซื้อมือสองสักคัน ควรต้องใช้เวลาศึกษา เปรียบเทียบอะไรบ้าง และต้องซื้อยี่ห้อไหนดี เพื่อให้ได้ของที่คุ้มค่าและถูก
ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง
พิจารณาก่อนซื้อตามคำแนะนำต่อไปนี้
งบประมาณ
แน่นอนว่าเรื่องราคาเป็นอันดับแรกที่หลายคนใช้เป็นตัวสินใจ โดยส่วนใหญ่จะมีงบประมาณจำกัดอยู่ในช่วง 10,000-20,000 บาท ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่สามารถซื้อรถเข็นไฟฟ้ามือสองได้ โดยเมื่อก่อนนี้ต้องมีงบ 50,000 บาทขึ้นไปจึงจะซื้อวีลแชร์ไฟฟ้ามือหนึ่งของญี่ปุ่นได้ เพราะเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ยากทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยี ช่องทางการติดต่อที่เข้าถึงได้ง่าย จึงทำให้กลายเป็นสิ่งที่หาซื้อกันได้ง่าย และเมื่อหาซื้อง่าย รถเข็นไฟฟ้าก็จะถูกลงอีกด้วย โดยปัจจุบันรถเข็นไฟฟ้ามือหนึ่งเริ่มต้นที่ 20,000 บาท และหากอยู่ในช่วงโปรโมชั่น ก็จะยิ่งถูกลงกว่าเดิม
ตอนนี้รถเข็นไฟฟ้า Cruisemate จัดโปรโมชั่นเริ่มต้น 19,900 บาท
เป็นสินค้ามือหนึ่งทุกตัว มีการรับประกันสูงสุด 3 ปี พร้อมบริการ Onsite Service
สภาพของสินค้า
สินค้ามือสองนั้นต้องผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างน้อย 1 มือ และบางคนใช้มือแรกอาจจะใช้ได้ไม่นาน สินค้าไม่ชำรุด ยังดูเหมือนใหม่เพราะได้ดูแลอย่างดี แต่สำหรับรถเข็นไฟฟ้ามือสองบางคนที่ใช้งานมานาน หรือสินค้าดูเหมือนใช้งานมานาน มีอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนชำรุดหรือหายไป จะขายราคาถูกกว่าเป็นพิเศษ
“เพราะฉะนั้นอย่าควรคิดแค่ว่ามันอยู่ในงบประมาณที่เราตั้งไว้พอดี
ต้องดูสภาพสินค้าว่าเหมาะสมและคุ้มค่ากับที่ต้องเราต้องจ่ายไปหรือไม่”
การรับประกัน
โดยส่วนใหญ่สินค้ามือหนึ่งจะได้รับการประกันอย่างเต็มที่และมีระยะเวลาที่ยาวนานจากทางบริษัทที่สั่งซื้อ แต่สำหรับรถเข็นไฟฟ้ามือสอง ระยะเวลาในการรับประกันอาจจะน้อยลงหรือหมดไปแล้วตั้งแต่เจ้าของมือแรก ดังนั้นเมื่อเราซื้อมา เราอาจจะไม่ได้รับการรับประกันจากบริษัทเลยก็ได้ หากรถเข็นผู้สูงอายุชำรุดเมื่อไหร่ เราต้องจ่ายค่าซ่อมทั้งหมด
อุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออะไหล่ต้องมีสำรอง
เนื่องจากเป็นสินค้ามือสอง อาจจะเป็นสินค้าที่ซื้อมานานมากแล้ว และบริษัทที่ผลิตได้ยกเลิกหรือหยุดการผลิตของรุ่นนั้นไปแล้ว เมื่อรถเข็นไฟฟ้ามือสองที่เราซื้อมาเกิดมีปัญหา ชำรุดหรือบกพร่อง และจำเป็นต้องซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ให้ใช้งานได้ปกติ อาจจะไม่มีอะไหล่หรือชิ้นส่วนของรถเข็นรุ่นนี้มาให้เปลี่ยน ลูกค้าจึงจำเป็นต้องหาอุปกรณ์ของรุ่นอื่นหรือยี่ห้อมาให้แทนกัน และบางชิ้นส่วนอาจจะไม่มีหรือใช้แทนกันไม่ได้ รถเข็นผู้สูงอายุที่ซื้อมือสองไปนั้นอาจจะใช้งานไม่ได้อีก และจำเป็นต้องซื้อคันใหม่ ทำให้ต้องเสียเงินเพิ่มอีกเท่าตัว
ต้องเห็นสินค้าจริงก่อนซื้อ
ในปัจจุบันช่องทางการซื้อขายสินค้าต่างๆมีมากและซื้อได้ง่ายขึ้น สามารถเข้าถึงได้ในช่องทางออนไลน์ที่มีขายทั้งมือหนึ่งและมือสอง สำหรับรถเข็นไฟฟ้ามือสองมีขายทั้งใน kaidee หรือเว็บไซต์อื่น แต่ข้อเสียในการซื้อของออนไลน์คือ ไม่ได้เห็นสินค้าจริง ไม่ได้ทดลองก่อนซื้อ เมื่อซื้อมาแล้วอาจจะได้สินค้าที่ไม่เป็นไปตามคาด หรือผู้ใช้งานไม่ถูกใจกับรถเข็นผู้สูงอายุที่ซื้อมา ถึงแม้ว่าจะมีราคาถูกกว่าก็ตาม
สินค้าต้องสะอาด อุปกรณ์ครบ
แน่นอนว่าสินค้ามือสองเป็นสินค้าที่ต้องผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่เราจะรู้หรือไม่ว่า ใครใช้งานมาแล้วบ้าง แล้วใช้งานมานานเท่าไหร่ และที่สำคัญคือเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็นอยู่ในรถเข็นไฟฟ้ามือสองที่เราซื้อมานั้นมีมากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้ เพราะผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยหรือผู้พิการที่มีภูมิต้านทานต่ำอยู่แล้ว ต้องเลือกรถเข็นผู้สูงอายุที่ดูสะอาดหรือเป็นสินค้ามือหนึ่งเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ใช้งาน ที่สำคัญเมื่อซื้อมาแล้วควรตรวจสอบอุปกรณ์ที่มาพร้อมตัวรถว่าครบถ้วนหรือมีชำรุดหรือไม่?
สรุปรถเข็นไฟฟ้ามือสองดีหรือไม่
จะเห็นได้ว่าทั้ง 6 ข้อที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเบื้องต้นก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะรถเข็นไฟฟ้ามือสอง เป็นสิ่งที่เคยผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่บางท่านที่ตัดสินใจซื้อเพราะมีงบประมาณที่จำกัด แต่หากจำเป็นต้องซื้อจริงๆ ควรพิจารณา ทั้งในเรื่องของสภาพสินค้าที่ไม่ได้เห็นสินค้าจริง ว่าไม่ได้มีการชำรุดหรือเสียหายมากเกินไป และผู้ใช้งานไม่ได้ทดลองใช้ก่อนซื้อ ส่วนในเรื่องของการบริการดูแลหลังการขาย ต้องเลือกยี่ห้อหรือรุ่นที่มีอะไหล่สำรองขายอยู่
แต่ในปัจจุบันนี้รถเข็นไฟฟ้ามือหนึ่งส่วนใหญ่ หาซื้อได้ง่าย ทำให้ถูกลง เริ่มต้นที่ 20,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับหลายปีก่อน ที่ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งหาซื้อยากทำให้ราคาสูง ผู้ใช้งานจึงมั่นใจได้ว่าสินค้ามือหนึ่งที่ซื้อไป เป็นสินค้าตัวใหม่ที่ไม่ผ่านการใช้งาน โดยไม่ต้องมากังวลในเรื่องของการชำรุด เสียหายของตัวสินค้า อีกทั้งยังได้เห็นสินค้าและทดลองใช้งานจริงก่อนตัดสินใจซื้อ และยังได้รับการรับประกันจากบริษัทโดยตรงอีกด้วย