หากจะให้บอกว่ารถเข็นไฟฟ้าที่นั่งสบายที่สุดเป็นแบบไหน ก็คงเป็นรุ่นที่สามารถปรับเอนนอนได้ เพราะผู้ใช้งานสามารเปลี่ยนอิริยาบถได้ผ่อนคลาย แต่รุ่นที่ปรับเอนนอนได้มีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ซึ่งความแตกต่างของแต่ละรุ่นขึ้นอยู่ที่การปรับนอนและล้อหลังเป็นหลัก หากต้องการใช้เป็นรุ่นไหนนั้นขึ้นอยู่ความต้องการและการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 รุ่น คือ CM-102PlusB , CM-102PlusM และ CM-102Plus
ข้อมูลรถเข็นไฟฟ้าปรับนอนทั้ง 3 รุ่น
ความเหมือนมีอะไรบ้าง
โครงสร้าง
เนื่องจากเป็นต้องใช้งานเพื่อปรับนอน ดังนั้นวัสดุโครงสร้างของทั้ง 3 รุ่น ผลิตจากคาร์บอนสตีล มีคุณสมบัติที่แข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้สูงสุด 120 กิโลกรัม และเคลือบสีอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันการเกิดสนิม
เบาะรองนั่งเป็นฟองน้ำอย่างหนา ที่ทอด้วยผ้าตาข่ายระบายอากาศ ช่วยป้องกันการเกิดแผลกดทับเวลาใช้งานอยู่บนตัวรถเข็นเป็นเวลานาน และความกว้างของเบาะมีขนาด 45 ซม. ซึ่งทำให้นั่งสบาย ไม่อึดอัด อีกทั้งยังสามารถถอดเบาะรองนั่งและพนักพิงทำความสะอาดได้อีกด้วย
กำลังมอเตอร์
มอเตอร์ของรถเข็นไฟฟ้าปรับนอนจะเป็นมอเตอร์ชนิดที่มีแปลงถ่าน DC Brush Motor เป็นชนิดที่มีแปลงถ่านที่มีกำลังข้างละ 250 วัตต์ทั้ง 2 ข้างทั้งซ้ายและขวา การทำงานจะแยกอิสระออกจากกัน สามารถบังคับทิศทางให้หมดอยู่กับที่ได้ทันที 360 องศาโดยไม่ต้องตีวงเลี้ยวกว้าง อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ทุกสภาพพื้นผิว ทั้งทางลูกรัง ทางหินกรวด สนามหญ้า หรือทางลาดชันได้สูงสุดถึง 35 องศา และปลอดภัยด้วยล้อกันหงายที่เมื่อใช้งานบนทางลาดชัน จะช่วยพยุงรถเข็นไม่ให้หงายหลัง
ระบบเบรก
หากผู้ใช้งานต้องการที่จะหยุดรถเมื่อใช้งานบนพื้นราบ ให้ปล่อยมือจากคันโยกรถจะทำให้หยุดนิ่งทันที เมื่อใช้งานลงทางลาดชัน ปล่อยมือแล้วรถจะค่อยๆไหลอย่างช้า แล้วจึงหยุดนิ่ง หรือในกรณีที่จจะลุกนั่งควรใช้เบรกมือล็อคล้อทั้ง 2 ข้างก่อนลุกนั่งทุกครั้ง เพื่อป้องกันรถเลื่อนไถล
การพับเก็บและเคลื่อนย้าย
วิธีการพับเก็บจำเป็นต้องถอดแบตเตอรี่ที่อยู่ด้านหลังตัวรถ และถอดเบาะรองหัวออกทุกครั้ง โดยการถอดปลั๊กแบตเตอรี่สีแดงแล้วยกแบตออกได้เลย แต่รุ่น CM-102Plus ต้องถอดปลั๊ก 2 ตัว คือแบตเตอรี่(สีแดง) และปลั๊กรีโมทไฟฟ้า(สีดำ) ที่เสียบอยู่กับแบตเตอรี่ แล้วจึงสามารถพับเก็บได้เหมือนรถเข็นแมนนวลทั่วไป สามารถใส่ท้ายรถยนต์นำไปใช้งานนอกบ้านได้
แตกต่างกันตรงไหน?
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของรถเข็นไฟฟ้าปรับนอนทั้ง 3 รุ่นนี้คือ
“วิธีการปรับเอนนอน และขนาดล้อ”
วิธีการปรับเอนนอน
รถเข็นไฟฟ้าปรับนอนมีวิธีการปรับนอนอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
การปรับนอนด้วยแมนนวล จะเป็นรุ่น CM-102PlusB และ CM-102PlusM สามารถปรับเอนนอนได้สูงสุด 180 องศา และปรับเหยียดขาได้ 5 ระดับ หากต้องการปรับเอนนอนจำเป็นต้องมีผู้ดูแลคอยช่วยปรับเอนนอนให้ ผู้ใช้งานไม่สามารถปรับเอนได้เอง
ส่วนการปรับเอนนอนด้วยรีโมทไฟฟ้า คือรุ่น CM-102Plus สามารถปรับนอนได้สูงสุด 150 องศา และปรับเหยียดขาได้ 90 องศา เป็นรุ่นที่ผู้ใช้งานสามารถปรับนอนได้ด้วยตัวเองเพียงกดปุ่มรีโมทที่มาพร้อมกับตัวรถ ไม่จำเป็นต้องมีผู้ดูแลคอยช่วยเหลือ
ปรับนอนด้วยแมนนวล
ปรับนอนด้วยระบบไฟฟ้า
ขนาดล้อ
รถเข็นไฟฟ้ารุ่น PlusB จะเป็นล้อหลังแม็กซ์ขนาด 19 นิ้ว ซึ่งให้ความแข็งแรง และความกว้างโดยรวมของตัวรถอยู่ที่ 64 ซม. ทำให้มีความคล่องตัวเมื่อขับเคลื่อนเข้า-ออกประตูหรือในพื้นที่แคบมากกว่า
ล้อหลังเป็นล้อยางลม ที่มียางในและยางนอก(เหมือนล้อรถจักรยาน) สามารถเติมลมเลือกปรับความแข็งหรืออ่อนของลมยางได้ เพื่อให้นุ่มนวลในการขับขี่ แต่จำเป็นต้องคอยดูแลรักษา เพราะล้อยางลมมีโอกาสเกิดการรั่วซึม หากโดนวัตถุแหลมคม เช่น ตะปู หากโดนทิ่มจะทำให้ยางรั่ว และต้องทำการปะยางเหมือนยางจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์
ส่วนรุ่น PlusM และ Plus มีล้อหลังขนาด 22 นิ้ว มาพร้อมด้วยมือจับสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใช้มือหมุนล้อด้วย แต่ความกว้างของตัวรถจะกว้างกว่าล้อหลังเล็กที่ไม่มีมือจับหมุนอย่างรุ่น PlusB
ชนิดของล้อหลังสามารถเลือกได้ว่าต้องการล้อยางลมหรือยางตัน ข้อดีล้อยางลมคือให้ความนุ่มนวล แต่มีโอกาสรั่วซึม ส่วนข้อดีของล้อยางตันคือไม่ต้องดูแลรักษา โดนตะปู หรือวัตถุที่มีปลายแหลมทิ่มก็ใช้งานต่อได้เลย ไม่ต้องปะยางเหมือนล้อยางลม
คลิกอ่านบทความ “ความแตกต่างล้อยางลมหรือยางตัน”
สรุปควรเลือกแบบไหนดีที่สุด
สำหรับผู้ป่วยที่มีผู้ดูแลอยู่ตลอดเวลา อาจจะเลือกเป็นรุ่นที่ปรับนอนด้วยแมนนวล CM-102PlusB และ CM-102PlusM ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกเป็นรุ่นปรับนอนด้วยไฟฟ้าก็ได้ ราคาก็จะถูกลง
แต่ถ้าผู้ใช้งานต้องการปรับเอนนอนด้วยตัวเอง ควรเลือกเป็นรุ่น CM-102Plus เพื่อให้ผู้ใช้งานปรับนอนได้สบาย
ส่วนล้อหลังหากต้องการเป็นล้อเล็กให้เข้า-ออกประตูได้สะดวก ควรเลือกเป็นรุ่น CM-102PlusB หรือถ้าผู้ใช้งานต้องการใช้มือหมุนล้อเองได้ควรเลือกเป็นรุ่น CM-102PlusM หรือรุ่น CM-102Plus ก็ได้